โรคร่าเริง
กลางคืนไม่หลับ กลางวันง่วงนอน " โรคร่าเริง " โรคเร่งวันตาย ร่างกายเสื่อมสภาพไม่รู้ตัว ! อันตรายมาก !
เด็ก วัยรุ่น หนุ่มสาววัยมหาลัยและคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย มักเคยชินกับการนอนดึก ๆ เล่นเกม ทำงาน หามรุ่งหามค่ำ เพราะเหตุผลที่ว่า ตอนกลางคืนเป็นเวลาที่เงียบสงบ ทำให้มีสมาธิสมองลื่นไหลกว่าตอนกลางวันเป็นไหน ๆ คิดอะไรก็คิดออกได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนื่อยแถมไม่ง่วงอีกด้วย แต่รู้ไหมว่า
การทำงานตอนกลางคืนโดยไม่หลับไม่นอน ทำให้ชีวิตตอนกลางวันของคุณ " พัง " ถึงคุณจะได้งาน ได้เงิน แต่ระวังเถอะ จะได้ " โรค " แถมไปด้วย การร่าเริงตอนกลางคืนแบบนี้ อาจทำให้ร่างกายของคุณก่อ " โรคร่าเริง " ขึ้นมาได้ มาเช็คกันว่า คุณกำลังสุ่มเสี่ยงเป็นโรคนี้อยู่หรือเปล่า
การใช้ชีวิตของคุณที่เสี่ยงเป็น
กลางคืน คิดงานได้ก่อนนอน ไอเดียพรั่งพรู ทำงานสนุกทั้งคืนโดยไม่เบื่อไม่บ่น ไม่ออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังโดยอ้างว่าทำให้สมองแล่น
กลางวัน อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ คิดอะไรก็คิดไม่ออก
ถึงชื่อโรคจะดูร่าเริงสนุกสนาน แต่ร่างกายของเราไม่ได้จะเริงร่าตามชื่อแม้แต่น้อย ซึ่งนอกจากจะทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน รอบเดือนไม่ปกติ ขี้เหวี่ยงขี้วีน อาจทำให้สุ่มเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และโรคเบาหวาน ได้
จัดระบบชีวิตใหม่ซะ เสริมสร้างภูมิต้านทาน " โรคร่าเริง "
1. ตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเดิม ๆ ทุก ๆ วัน เพื่อสร้างความเคยชิน แต่ไม่ใช่ว่าปลุกตอนเที่ยงหล่ะ
2. หลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล เพิ่มเนื้อสัตว์ในมื้อกลางวัน เพราะแป้งและน้ำตาลนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้สมองหลั่งสาร เซโรโทนิน มากเกินไปซึ่งทำให้ง่วงนอน
3. ออกกำลังกายแบบง่ายๆ บ่อยๆ เช่น การเดิน การแกว่งแขน หรือออกกำลังกายอย่างจริงจังทุกวัน
4. ฟังเพลงระหว่างวัน เพื่อเพิ่มความตื่นตัวแก้ง่วง
5. จิบน้ำเปล่า ทำให้สมองแล่น เพราะน้ำเป็นตัวลดความหนืดของเลือด ทำให้ไม่ง่วงนอน
6. นำผลมะกรูด คลึงกับพื้นมาวางไว้ข้างหมอน ทำให้หลับสบาย ตื่นมาแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
การอดหลับอดนอน เที่ยว เล่นเกม ทำงานเพื่อให้ได้เงินทอง แต่กลับต้องใช้เงินทองนั้นซื้อสุขภาพคืน แถมยังจ่ายแพงกว่าอีกด้วย เสียทั้งเงินทั้งเวลา และสุขภาพ ลองคิดดูดี ๆ ว่า ที่กำลังทำอยู่น่ะมัน " คุ้ม " หรือไม่ ?
1 August 2018