ประเพณีลอยแพของพุทธบริษัทวัดบางคลี

ความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีของลัทธิฮินดู ในเรื่องการลอยบาป ในแม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย ซึ่งในเมื่อพวกฮินดูสามารถลอยบาปของตนไปกับน้ำได้

ประวัติความเป็นมา ประเพณีลอยแพของพุทธบริษัทวัดบางคลี

     งานประเพณีลอยแพ  เป็นประเพณีที่ชาวบ้าน  ๔  หมู่บ้าน  คือ บ้านบางคลี  บ้านนาแฝก  บ้านบ่อดาน  และบ้านควน  กระทำและปฏิบัติกันมาช้านาน  แต่จะนานแค่ไหน ไม่มีใครทราบข้อมูลที่แน่ชัดได้

     ข้อสำคัญ เรื่องประเพณีลอยแพนี้  ผู้ให้ข้อมูลบอกว่าไม่ได้นั่งเทียน หรือยกเมฆเอา เพราะในสมัยที่ผู้ให้ข้อมูลยังเป็นวัยรุ่น  ก็ได้ซอกแซกถามคนเฒ่าคนเก่าคนแก่  ถึงเรื่องประเพณีลอยแพ  ท่านเหล่านั้นก็ตอบและวินิจฉัยไปหลายแง่หลายมุม  ผู้ให้ข้อมูลอธิบายว่า ให้ข้อมูลตามความคิดเห็นของคนรุ่นก่อน  ซึ่งประเพณีลอยแพมีการเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายครั้ง ดังนี้

     ครั้งแรก  คงจะมีชาวบ้านใน  ๔  หมู่บ้านนี้แหละที่ได้ฟัง รับการบอกเล่าจากบุคคลผู้รู้ เกี่ยวกับประเพณีของลัทธิฮินดู ในเรื่องการลอยบาป ในแม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย  ซึ่งในเมื่อพวกฮินดูสามารถลอยบาปของตนไปกับน้ำได้  ชาวบ้านก็คิดว่าคงจะลอยเคราะห์ ลางร้าย โชคร้าย เคราะห์กรรม และสิ่งอัปมงคลทั้งหลายได้เช่นเดียวกัน  ดังนั้น ชาวบ้านมองเห็นว่า  การที่มีโรคภัยไข้เจ็บ  โรคระบาด  แม้แต่การตายของผู้ที่มีวัยอันไม่สมควร  คนสมัยก่อนก็โยนให้เป็นเรื่องของการบันดาลของบาปกรรม เคราะห์ และลางร้าย
ดังนั้นทางที่ดีและมีอยู่ทางเดียวนั้นคือ จะต้องเอาบาป เคราะห์ สิ่งที่เป็นอัปมงคลไปลงในทะเลเหมือนอย่างพราหมณ์ลอยบาป  ชาวบ้านที่มีความรู้และช่างคิดก็บอกให้คนทั้งหลายพาของที่ไม่ดีไปลอยแพเสีย  สิ่งไม่ดีทั้งหลายก็จะได้หมดไป  และมีผู้รู้ให้ความเห็นว่า  บาป เคราะห์  สิ่งอัปมงคลเหล่านั้น มีอยู่ที่ร่างกายมนุษย์  พร้อมทั้งสิ่งที่มนุษย์ใช้ติดตัวอยู่

     ฉะนั้น  เมื่อชาวบ้านมองเห็นภาพเช่นนั้นแล้วว่า การลอยบาป เคราะห์ สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะต้องเอาเล็บมือ  เล็บเท้า  ผมและเศษผ้าบางส่วนของเครื่องนุ่งห่มไปใส่แพแล้วลอย พร้อมด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อจุดไฟอธิษฐาน  โดยให้สิ่งชั่วร้ายทั้งปวงในตัวเราลอยไปกับแพ สมัยก่อนเขาเรียกว่า วาดเคราะห์  หรือ  กวาดเคราะห์  แรกเริ่มเดิมที ที่มีการลอยแพนั้น เขาไม่ทำพิธีเกี่ยวกับศาสนา ไม่มีพิธีสงฆ์  ชาวบ้านทำกันเอง  เป็นพิธีในเชิงไสยศาสตร์

     ยุคที่ ๒  ประชาชนทั้งหลายเริ่มมาคิดกันว่า การทำพิธีทั้งหมดในเรื่องลอยแพเป็นการกระทำที่เป็นไสยศาสตร์ทั้งหมด  เราเป็นชาวพุทธนับถือคุณพระศรีรัตนตรัย  การกระทำเช่นเมื่อก่อนย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง  ดังนั้น จึงได้ดึงเอาศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  โดยได้ไปขอคำปรึกษาจากพระที่วัดว่า เมื่อถึงวันลอยแพสะเดาะเคราะห์ขอนิมนต์พระสงฆ์ไปทำพิธีด้วย

     การสวด หรือ การเจริญพระพุทธมนต์นั้น ชาวบ้านได้จัดขึ้นในยุคกลาง ระหว่างยุคแรก กับ ยุคที่สอง  เขาจะทำกันที่กลางหมู่บ้าน คือ หมู่บ้านบางคลี  โดยชาวบ้านจะกำหนดเอาพื้นที่แห่งหนึ่งเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับทำพิธีสวด  ซึ่งเรียกกันว่า  สวดกลางบ้าน  โดยชาวบ้านได้นำสิ่งของต่าง ๆ เช่น ผม เล็บ เศษเสื้อผ้า ดอกไม้ ธูป เทียน พร้อมอาหารแห้งต่าง ๆ นำมาไว้พร้อมเพรียงกันที่พิธีสวด  ตอนกลางคืนนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์  พอถึงตอนเช้าก็นำของเหล่านั้นไปไว้ที่ริมถนนใหญ่  เพื่อให้สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายเดินทางไปตามถนน และสูญหายไปในที่สุด  การกระทำเช่นนี้เขาเรียกว่า  ดับหาบดับคอน  เป็นประเพณีที่ได้กระทำกันมาช้านานเหมือนกัน  ซึ่งตอนหลังได้เลิกล้มไป จะด้วยเหตุใดก็ทราบไม่ได้

     ยุคหลังสุด ในเมื่อไม่มีการสวดกลางบ้าน  ไม่มีการดับหาบดับคอน ก็เอาพิธีสวดกลางบ้านมาเป็นพิธีการสวดแพ  แต่ไม่ใช่ว่าจะทำทันทีทันใด คือ เว้นระยะนานหลายปีอยู่เหมือนกัน

     สรุปความว่า ประเพณีลอยแพของชุมชน  ๔  หมู่บ้านนั้น   เป็นประเพณีที่ดี สมควรแก่การรักษาและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชุมชน  มีการร่วมใจ ร่วมกำลังทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ให้ดำเนินไปด้วยดีเสมอมา ดังพุทธดำรัสที่ว่า
สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา
สังคมที่มีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง
ประเพณีต่าง ๆ ทำให้คนมีความรัก ความสามัคคีขึ้นในชุมชน

     การกำหนดในวันที่ทำการลอยแพ  ซึ่งชาวบ้านทั้ง  ๔  หมู่บ้านจะทำการนัดหมายที่วัดในวันพระแรมสิบสี่ค่ำ เดือน ๑๑  เพราะวันพระชาวบ้านทั้งสี่หมู่บ้านจะมารวมกันที่วัดอยู่แล้ว  สาเหตุที่มีการนัดหมายกันในวันพระนั้นเนื่องด้วยในครั้งอดีตเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา  ไม่มีเครื่องมือสื่อสารเหมือนอย่างเช่นปัจจุบันนี้ และอีกอย่างในครั้งกระโน้น พี่น้องเราชาวบ้านเราอยู่ตามท้องไร่ ท้องนา และอีกอย่างชาวบ้านได้เตรียมอาหาร เช่นพืช ผัก ผลไม้ ไม่สะดวกเหมือนอย่างทุกวันนี้ และที่สำคัญ คนในอดีตเขาไม่ค่อยฆ่าสัตว์สำหรับทำอาหารไปถวายพระ  เขาว่ากันว่าบุญที่ทำในวันพระนั้น จะตกไปเป็นของสัตว์ที่ถูกฆ่าในวันนั้น  จะจริงเท็จแค่ไหน โปรดใช้วิจารณญาณ
เมื่อตกลงว่าจะลอยวันไหนแน่ ก็มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ เช่น ชาวบ้านบ่อดาน รับผิดชอบในเรื่องเลี้ยงภัตตาหารพระภิกษุมื้อเช้า  เนื่องด้วยพระต้องไปจำวัดค้างคืนที่ชายทะเล ในอดีตพระต้องเดินไป และหนทางก็ลำบาก  ไม่เหมือนปัจจุบันการเดินทางไปมาสะดวก  ส่วนชาวบ้าน บ้านบางคลี  บางส่วนจะนำเอาอาหารไปสมทบกับชาวบ้านบ่อดานในตอนเช้าของวันที่จะทำการลอยแพ  การลอยแพจะทำพิธีลอยแพเวลาประมาณบ่ายโมงเศษ  หลังจากที่พระฉันภัตตาหารเพล และชาวบ้านกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งพักผ่อนให้ข้าวลงพุง (ข้าวลงพุง เป็นภาษาถิ่น แปลว่า เพื่อให้อาหารได้ย่อย)

     สำหรับชาวบ้าน บ้านนาแฝก มีการจัดการเรื่องไม่ไผ่ พร้อมเชือก เพื่อผูกมักไม้ไผ่ให้เป็นแพ เพื่อบรรทุกสิ่งของต่าง ๆ เช่นการเจ็บไข้ได้ป่วยไปกับแพ ตามความเชื่อของคนในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

     ส่วนในวันที่ทำการลอยแพ ชาวบ้านทั้งสี่หมู่บ้าน จะนำข้าปลาอาหาร ทั้งของหวานของคาว ไปเลี้ยงพระ เมื่อพระฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย  ชาวบ้านก็จะนำอาหารส่วนที่เหลือมารับประทานร่วมกัน 

     การลอยแพของพี่น้องหรือชาวบ้านทั้งสี่หมู่บ้าน คือบ้านบางคลี  บ้านนาแฝก  บ้านบ่อดาน  และบ้านควน ร่วมกับวัดนิคมสโมสร(บางคลี) เนื่องจากวัดกับหมู่บ้านแยกออกจากกันไม่ได้  จะต้องอยู่เคียงคู่กันตลอดไป  เช่นเดียวกับประเพณีลอยแพจะต้องเป็นประเพณีของชาวบ้านทั้งสี่หมู่บ้านร่วมกับวัดนิคมสโมสรตลอดไปตราบนานเท่านาน

ขอบคุณข้อมูลจาก. นายพงษ์พันธ์  อินทรสุวรรณ, นายเฉลี่ยว(ฉุ้น)  ลี้ลับ  


7 August 2018

วัดนิคมสโมสร(บางคลี)